เศรษฐีตุ้ม

 


ไอ้ตุ้มเป็นเด็กที่รวยที่สุดในบรรดาเด็กฝั่งอำเภอ มันมีแบงค์ห้าหมื่นหนึ่งใบ ในขณะที่พวกเรามีแค่หลักพัน เลยไม่มีใครเล่นกับมัน อ้อ เงินที่ว่าเป็นแบงค์ครับ แต่เป็นแบงค์ สมมตินะ ทำจากซองบุหรี่ ไม่ใช่เงินจริงหรอก สมัยก่อนเรามีการละเล่นหลายอย่างที่ออกไปทางการพนัน เช่นเล่นไพ่ เล่นปั่นแปะ เล่นทอยเส้น เล่นเป่ากบ แต่ด้วยว่าไม่มีการใช้เงินจริงมาทำการเดิมพัน เราจึงต้องสร้างสกุลเงินตรากันขึ้นมาเอง โดยใช้ซองบุหรี่เป็นตัวกำหนดครับ วองบุหรี่ก็คือซองที่บรรจุบุหรี่นี่แหละ เอามาแกะซองพลาสติกออก แล้วค่อยๆคลี่ออกมา ก็จะได้เงินสกุลซองบุหรี่ตามสีที่กำหนด สมัยก่อนบุหรี่มีหลายยี่ห้อ หลายสี เราก็กำหนดราคาสกุลเงินกันจากสีของซอง บุหรี่กรุงทอง สามิตร ซองสีขาว จะมีมูลค่า 10 บาท สายฝน ซองสีเขียวมูลค่า 20 บาท บุหรี่กรองทิพย์ ซองสีแดง ก็ 100 บาท สูงสุดก็เกร็ดทอง ซองสีขาว ตรายี่ห้อสีแดง นั่นคือมูลค่า 500 บาท ซึ่งมีมูลค่าสูงสุดในอัตรแลกเปลี่ยนสกุลเงินซองบุหรี่ของพวกเรา ทุกครั้งที่มีใครสักคนสูบบุหรี่ พวกเราจะคอยจ้องมองว่าซองบุหรี่ที่เขาสูบนั้นเป็นซองยี่ห้ออะไร ถ้าเป็นบุหรี่เกร็ดทอง บางทีก็เดินตามกันจนถึงบ้านเพื่อไปดูถังขยะกันก็เคยมาแล้ว 

เด็กๆทุกคนสมัยนั้นเวลาเดินไปไหนมาไหน ก็จะคอยสอดสายตาหาซองบุหรี่ ส่วนใหญ่จะทิ้งๆอยู่ข้างถนน หรือบางทีก็ในถังขยะ เมื่อพบถ้าอยู่ในสภาพดี ก็จะเอามาคลี่ๆเก็บเรียงไว้ แล้วพอตอนเย็นเลิกเรียนหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ก็จะเอาออกมาด้วยจากที่บ้าน เรียกว่าพกกันมาเป็นปึกๆ พอเจอหน้ากันก็เล่นพนันขันต่อ จ่ายเงินวางเดิมพันกันเป็นที่สนุกสนาน เรียกว่าทุกวันจะมีเงินสะพันหลายพันบาทต่อหนึ่งวันเลยทีเดียว

จำได้ว่าผมกับไอ้แปดและไอ้อ้วน ก็มีเงินมากโขอยู่ ด้วยว่าพี่น้องไอ้แปดสูบบุหรี่อยู่หลายคน ส่วนไอ้อ้วนก็รู้แหล่งทิ้งขยะอยู่ที่หนึ่ง ถังขยะหลังอำเภอ ถังขยะใบนี้คือถังขยะที่ภารโรงของอำเภอจะเก็บขยะจากห้องทำงานต่างๆในอำเภอมาเทรวมไว้ เพื่อรอเอาไปเผากำจัดอีกทีหนึ่ง ไอ้อ้วนจึงมีเงินมาแบ่งเราได้หลายๆร้อยในทุกๆวัน 

มีวันหนึ่ง ไอ้ตุ้มกลับมาจากโรงเรียนในตัวเมือง มันเอาซองบุหรี่แปลกๆมาให้พวกเราดู เมื่อเอามาคลี่ดูก็พบว่าเป็นซองบุหรี่ต่างประเทศ ยี่ห้อมาร์โบโร่ ตอนนั้นบุหรี่นอกกับอำเภอที่ผมอยู่นี่ห่างไกลกันมาก ใครสูบบุหรี่ยี่ห้อนี้ก็คงเป็นมหาเศรษฐีแน่นอน เพราะราคาก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามตอนนั้น 50 สตางค์ แต่บุหรี่มาร์โบโร่ราคา ราวๆซองละ 50 บาทลองนึกดูว่าต้องรวยขนาดไหนถึงจะได้สูบบุหรี่ยี่ห้อนี่เป็นประจำ ส่วนซองบุหรี่ยี่ห้อนี้ ใครก็ไม่รู้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้ว่ามีมูลค่าห้าหมื่นบาท ดังนั้นเท่ากับว่าไอ้ตุ้มเลยกลายเป็นเศรษฐี ในทันทีที่มันกางซองบุหรี่ออก 

นับแต่นันเป็นต้นมา เวลามีการเล่นพนันขันต่อ ไอ้ตุ้มจะเป็นคนที่ไม่มีใครอยากเล่นด้วย เพราะเวลาที่มันเล่น จนหมดเงิน ไม้ตายสุดท้ายก็คือ มันจะเอาเงินแบงค์บุหรี่ห้าหมื่นนี้ออกมาจ่าย แล้วก็บอกว่าทอนมาๆ ไม่ทอนกุก็ไม่จ่ายนะโว้ย แล้วใครเล่ามันจะมีทอน เล่นพนันครั้งละยี่สิบครั้งละร้อยบาท ต้องมาหาทอนเงินสี่หมื่นกว่าบาท ตอนหลังเวลาไอ้ตุ้มออกมาเราก็จะพูดเปรยๆกันว่า "เฮ้ยๆ เศรษฐฐีตุ้มมา" เป็นอันว่าทุกคนไม่ยอมให้ไอ้ตุ้มเล่นด้วยเพราะเบื่อเงินห้าหมื่นบาทของมันนี่เอง

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รู้จักไหม ยอดแหลม น่ะ ยอดแหลม

คุณเชื่อเรื่อง พรหมลิขิตไหม....

ดนตรีเศร้าหมองแห่งการบำบัด