ดนตรีเศร้าหมองแห่งการบำบัด

สองอาทิตย์นี้ผมป่วย
เป็นหวัดธรรมดา ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย
หวัด กับ แพ้อากาศนี่เป็นของขวัญที่ต้นตระกูลผม
สายข้างแม่ฝากให้ติดตัวเอาไว้เป็นที่ระลึก
ปกติแล้วหนึ่งปีก็ต้องเป็นสักครั้ง มากน้อยก็ไม่เกินสองหน
ปีนี้โชคดีหน่อย มาเป็นตอนกลางหน้าฝน
เพราะถ้าเป็นหน้าหนาว มันจะทรมานเป็นสองเท่าของหน้าอื่น
เพราะเวลานอนผมจะหายใจไม่ออก เนื่องจากจมูกตัน
แล้วพอมันตันสองข้าง ก็จะมีอาการ "ดั้น" คือหยุดหายใจ
ในความรู้สึกก็คือ อึด อึด แล้วก็สะดุ้งขึ้นมาหายใจทางปาก
ตอนกลางดึก มันเป็นเช่นนี้แหละครับ



ส่วนอีกอาการหนึ่งที่มักจะติดมากับอาการป่วย
คนทั่วไปผมว่าก็คงเป็นนะ คืออาการรำคาญใจ
มันหงุดหงิด บอกไม่ถูก สำหรับคนอื่นอาจมีแค่เบื่อ ป่วย
แต่ของผม เวลามันเป็น ผมจะรู้สึกผิดปกติ"ทางใจ" ตามมาเสมอ
มันจะรู้สึกเศร้าอย่างไรบออกไม่ถูก เวลาป่วยผมมักจะไม่ค่อยอยากกินยา
อ้อ เฉพาะอาการหวัดนะ เพราะหมอหลายๆหมอบอกว่า
หวัดมันรักษาไม่หาย มันไม่มียาแก้ มันมีแต่ เวลา ที่แก้ได้
เพราะมันเกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายมันต่ำลง
ไวรัสหวัดมันก็แรกเข้ามา ไอ้ยาที่กินๆมันก็แก้อาการข้างเคียง
ไม่ได้แก้อาการหวัดโดยตรง ผมจึงเฉยๆกับการไปหาหมอ กินยา
เพราะปล่อยให้เวลา รักษาตัวเองดีกว่า ผมจึงมักจะเลือกวิธีนอน
เงียบๆอยู่บนเตียงมากกว่าวิธีอื่น

อย่างที่บอกเวลาผมป่วย มันเหมือนกับว่าผมอยู่คนเดียวในโลก
ก็คนอื่นเขาไปทำงานทำการกันนี่ ผมนอนเฝ้าเพดานบ้านอยู่คนเดียว
หลายๆวันมันก็ชวนให้คิดว่า นี่เราอยู่ในโลกป่วยๆนี้คนเดียวหรือเปล่า
ผมจึงแก้เหงาด้วยการฟังเพลง แล้วปล่อยให้เพลงมันอยู่เป็นเพื่อน
กับผม แทนอยู่กับมนุษย์จริงๆ

เพลงที่ผมฟังปกติก็มีหลายแนว
ถ้าเป็นเพลงไทยก็ลูกทุ่ง ลูกกรุง สตริง ไปเรื่อยไปเปื่อยตามเวลา
แต่โดยปกติ ผมชอบฟังเพลงญี่ปุ่นนะ...
อ้าว จริง ผมเป็นคนที่ชอบฟังเพลงญี่ปุ่นมากๆ
ถึงแม้วว่าจะฟังไม่รู้เรื่องก็เหอะ(ฮา) ผมฟังเพลงญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็กๆ
สมัยก่อนก็ฟังเอาจากทีวี เพลงที่จำได้ว่าร้องเป็นหมาหอน
แต่ไม่รู้ว่ามันร้องว่าอะไรเพลงแรกก็เพลง Kita Sakaba ของลุง
Hosokawa Takashi เพลงนี้นี่เป็นเพลงแรกๆเลยนะครับที่ดังมากๆ
ในเมืองไทยนี่ผมว่าถ้าเป็นคนฟังเพลงต่างชาติ ต่างภาษา
เพลงนี้รับรองผ่านหูกันมาทุกคน อ้อ ผมร้องเพลงนี้ได้นะ
แต่ร้องแบบหมาหอนน่ะคือ หมาหอนในความหมายคือร้องได้
ร้องถูก แต่ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไรเหมือนเราได้ยินหมาหอน
เหมือนกันหมด แต่ไม่รู้ความหมายว่าหอนนี้ คือ แปลว่าอะไร

หนักๆเข้าก็เริ่มมาสาย X Japan ไม่อยากจะบอกว่าผมนี่เป็นชาว X นะ
เพลงของ X Japan นี่มีทุกอัลบั้ม ทุกซิงเกิ้ล แต่เพลงที่ผมชอบ
ดันเป็นเพลงสายหม่น คือ Endless Rain กับ Say Anything ที่บางคน
ฟังแล้วร้องไห้ ผมก็เคยฟังเพลงสองเพลงนี้ แล้วร้องไห้กับเขาเหมือนกัน
ไม่รู้เหมือนกันว่าผมร้องไห้ไปเพื่ออะไร รู้แต่ ฟังแล้ว มันต้องร้องไห้
มีคราวหนึ่ง ฝนตก แล้วผมก็จอดรถริมสะพาน เปิด Endless rain แล้วก็ร้องไห้
อืม เป็นเอาหนัก....ท่าจะบ้า

หลังๆพอโตมา ผมพบว่าผมฟังเพลงญี่ปุ่น "เฉพาะทาง" มากขึ้น
คือผมมาพบว่าเพลงที่เพราะ คือเพลงที่ถูกสร้างมาหนึ่งเพลง เพื่อการ
อะไรสักอย่างในเหตุอะไรสักอย่าง ไม่งงครับ ไม่งง ผมหมายถึงผมมาเลือก
ฟังเพลงที่มีมาเฉพาะกับอนิเมะมากขึ้น ถ้าเรียกการ์ตูนนี่มันจะดูตลกไหม
งั้นผมขอเรียกอนิเมะแล้วกัน

เพลงที่ีผมฟังช่วหลังๆเป็นเพลงที่มาจากอนิเมะนี่แหละ ผมพบว่าเมื่อมัน
เป็นเพลงที่มีเฉพาะกิจ มันจะเพราะมากเป็นสองเท่าของเพลงทั่วไป
เพลงที่ผมฟังเล้วโคตรเพราะในช่วงหนึ่งที่มีกว่าสิบเพลงเป็นเพลง
ที่มาจากเรื่อง "Kimagure Orange Road" เพลงนั้นชื่อว่า "Natsu no Mirage"
หรือ "Summer Mirage" หรือแปลไทยตามความงูๆปลาๆของผมก็ "เงาแห่งฤดูร้อน"
เพลงนี้ผมฟังไปเป็นพันๆรอบ จริง เพราะปัจจุบันก็ยังฟังอยู่มันมันเพราะจับใจ
แต่จับใจแบบแปลไม่ออกนะครับ(ฮา)

เพลงญี่ปุ่นเพลงแรกที่ผมร้องได้เป๊ะสัก 99 เปอร์เซนต์และรู้ความหมายด้วยก็คือ
เพล "Orangi" ของวงสี่จตุรเทพของญี่ปุ่นก็คือ "SMAP" เพลงนี้ผมฟังทีแรกผมรู้ทันที
ว่ามันเป็นเพลงเศร้า เพราะฟังครั้งแรกๆแล้วมัน อืม ร้องไห้ครับ
เพลงนี้ผมฟังตั้งแต่ก่อนแต่งงาน จนกระทั่งแต่งงาน จะนี่แต่งานมาได้กว่าสิบสี่ปี
ก็ยังฟังอยู่ จนผมเห็นว่าภรรยาที่บ้านเริ่มร้องได้แล้วผมก็นึกขำ มันคง
เพราะจริงๆ เพราะโดยปกติ ถ้าผมฟังเพลง แล้วเพลงไหนไม่เพราะ
ภรรยาจะบอกว่าเปลี่ยนได้ไหม มันแกร็กๆในหู รำคาญแล้วเธอก็จะเปลี่ยเพลงเลย
โดยไม่ต้องรอผม แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผมมักจะสังเกตได้อีกว่า
เมื่อไหร่ที่ผมเปิดเพลงญี่ปุ่นที่มีเนื้อหาเศร้าๆ ภรรยาผมจะฟังเหมือนกัน...

วนมาที่เวลาป่วย ผมมักจะชอบปลีกตัวอยู่คนเดียวเสมอ
เพราะเวลาป่วยมันจะ "ลงๆ" ยังไงไม่รู้ ผมไม่ชอบอาการป่วยนะ
แต่ผมชอบไอ้อารมณ์ "ลงๆ" นี่แหละ มันบอกไม่ถูก
อธิบายได้ก็ ผมมักจะเห็นอะไรช้าลงมาก เห็นเมฆไหลเรื่อยๆ
เห็นคนเดินบนถนน เห็นลมที่ขยับกิ่งไม้ เห็นแสงเงาที่จับอยู่ตามผนัง
เห็นแม้กระทั่งฝนที่ตกลงโดนใบหญ้า ที่สำคัญ หูผมจะได้ยินอะไรๆในดนตรี
มากกว่าปกติเสมอ
มานั่งนึกดี เพลงญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่ผมเลือกมาฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าในชีวิต
มันมักจะมีอะไรๆ ที่ละเอียดมากว่าที่ได้ยินเสมอ ผมเคยฟังเพลงญี่ปุ่นเพลงหนึ่ง
วัดจากตอนป่วยกับไม่ป่วย คือเพลง Love is many splendored thing ของ
Setsu -Getsu -Ka วงดนตรีแนว Idol pop ของญี่ปุ่นวงหนึ่งตอนไม่ป่วย
ตอนนั้นผมเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอป่วย นอนจับเจ่าอยู่บนเตียง
ได้เครื่องเสียงดี ในห้องเงียบๆ ผมกลับได้ยินความละเอียด
ของเนื้อหาในเพลงนั้นมากขึ้น ได้ยินปลายเสียงของคนร้อง ได้ยินเสียงเครื่องดนตรี
บางชิ้นที่ปกติมัน่าจะเป็น percussion เบาๆในเพลง แต่ผมจะได้ยินมันชัดเกินปกติ
กลายเป็นว่าผมติดเพลงนั้นขึ้นมาทันใด

นี่สองสามวันที่ผ่านมาที่ผมป่วย ผมได้ยิน percussion ละเอียดยิบๆในเพลง
มาสามเพลง มันเป็นเพลงญี่ปุ่นล้วนๆทั้งสามเพลง
เพลงแรกนี่เป็นเพลงที่ได้ยินก่อนป่วยสักสองวัน เรียกได้ว่ารู้ตัวละว่าจะป่วย
ก็พอดีได้เพลงนี้มา "Koisuru Fortune cookie" ของ สาวๆ AKB48
เพลงนี้ไม่ได้เป็นเพลงเศร้านะครับ ฟังปุ๊บ มันเป็นเพลงที่ได้ยินแล้ว
รับรองว่าต้องมีเต้นตามเพราะเขาเน้นให้เต้นตามจริงๆ มันมีท่าประกอบเพลง
ให้เต้น เฮ่ย จะบอกว่าป่วยๆน่ะ ผมเต้นได้แล้วนะครับ ทำเป็นเล่นไป
เพลงนี้ที่ว่าเพราะ เพราะมันมีเสียงกลองประหลาดอยู่สามสี่จังหวะห้องเพลง
ซึ่งพอผมได้ยินปุ๊บก็ติดหูเลย แล้วก็เลยพาให้หาเนื้อร้อง คำแปล มาอ่านๆดู
ในช่วงที่นอนป่วย รวมถึงพอลงลึกๆเข้าไปในเพลงแล้วผมก็พบว่า
มันเหมือนมี "ยา" และ "กำลังใจ"อยู่ในเพลงนี้ด้วยนะ คือช่วงสุดท้ายของเพลง
เขาบอกประมาณว่า 人生捨てたもんじゃないよね あっと驚く奇跡が起きる
แปลมาก็ "ชีวิตของฉันมันไม่ได้มีอะไรว่างเปล่าหรอก
ปาฏิหารและสิ่งที่ไม่คาดคิดกำลังจะเกิดขึ้น" ฟังแล้วดูดีนะครับ
เหมือนกับผมบอกตัวเองเสมอๆว่า ป่วย เดี๋ยวก็หายไม่นานหรอก

อีกสองเพลงนี่ผมยังหาคำแปลไม่ได้จริง เพราะยังไม่มีใครแปลมั๊ง
หรือมันไม่ดังก็ไม่รู้ สองเพลงที่ว่ามาจากหนังครับ เป็น Opening title กับ
End credit song ของ series ญี่ปุ่นที่ชื่อ まほろ駅前 多田便利軒
ชื่อฝัรั่งก็ Mahoro Ekimae Bangaichi เพลงเพราะมากครับ ทั้งขึ้นต้น
และตอนจบ เพลงขึ้นต้นนี่คือเพลง "Beautiful Dreamer" ของ "Beartex"
เพลงนี้เพราะธรรมดา ไม่มาก แต่ผมชอบเพราะว่ามันเป็น
มิวสิกวีดีโอประหลาดถ่ายแบบถอยหลังคือตัวละครในเรืองสองคนเดินหน้า
แต่ทุกอย่างรอบตัวถอยหลังหมด แปลกดี

ส่วนเพลงจบที่ชื่อ 坂本慎太郎 まともがわからない(Don't Know What's Normal)
นี่ขึ้นต้นก็เพราะแล้ว มันมีเสียงกีต้าร์หนึ่งชิ้นคลอขึ้นมา
ตามด้วยเสียงกลอง  แล้วก็ตามด้วยเสียงกลองชุดปกติ และเสียงคนร้อง
จริงๆเพลงทำนองนี้ผมเรียกแนวเพลงว่าเพลง "จ๊กกะดึ่ง" คือเป็นเพลงที่จะได้ยิน
บ่อยๆตามงานแต่งงาน ทำนองจะออก ป๊อบแจ๊ส เพลงไม่เร็วไม่ช้า เนิบๆ
เน้นเครื่องดนตรีน้อยชิ้น มีเสียงเครื่องเป่าแทรกๆอยู่บ้าง
แต่เพลงนี้มันเพราะกว่าเพลงจ๊กกะดึ่งที่ผมฟังมาหลายๆเพลงน่ะครับ
ผมยังหาเนื้อเพลง และความหมายของเพลงสองสองเพลงนี้ไม่ได้
ก็คงเพราะมันยังใหม่อยู่จริงๆ โดยเฉพาะ เพลงจบ
ผมฟังแล้วมันเศร้าประหลาดๆนะครับ แต่ในความเศร้านั้น ผมได้ยินเสียง
กำลังใจนะ เหมือนผมได้ยินเพลงนี้แล้วรู้สึกว่ามันจะหายจากป่วยหายจากไข้

เพลงอีกประเภทที่ผมชอบฟังมากๆในบรรดาเพลงญี่ปุ่นทั้งหลาย
ก็เห็นจะเป็นเพลงที่เป็นเพลง บรรเลง ที่ไม่มีเนื้อร้อง ไม่มีคำร้องใดๆให้ยุ่งยาก
ลำบากหาคำแปล หลังๆมานี่เพลงพวกนี้มีบ่อยนะครับที่ผมเลือกหามาฟัง
หลังจากที่ดูหนังจบ อาจเป็นเพราะณ.ช่วงนั้นเวลานั้นของหนัง
เพลงที่นำมาใส่ไว้ในเวลาหรือ ณช่วงนั้นๆมันจะส่งให้เนื้อเรื่องของหนัง
และอารมณ์ของคนดู โลดแล่นไปตามเนื้อเรื่องที่เห็น และตาม
เสียงดนตรีที่กำลังบรรเลงอยู่
มีเพลงหนึ่งที่ตอนนี้ผมกำลังฟังอยู่อย่างชนิดที่เรียกว่า
บ่อยเกินไป(ตามความเห็นของคนรอบข้าง ที่ได้ยิน) คือเพลงบรรเลง
ที่เป็น Main theme ของหนังณี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่ชื่อ Kimi ni todoke ชื่อญี่ปุ่น 君に届け
ชื่อไทย ฝากใจไปถึงเธอ จริงๆเรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างมาจากหนังสือการ์ตูน
ขายดีอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นปี 2006 นะครับ อีตอนเป็นหนังสือการ์ตูนนี่
ผมไม่เคยได้อ่านหรอก เพราะผมไม่ชอบอ่านหนังสือการ์ตูนมากเท่าไหร่
พอสักสองปีสามปีผ่านๆไป ไปเห็นอีกที จากหนังสือการ์ตูนก็กลายเป็น
ภาพยนตร์การ์ตูนเสียแล้ว แต่ก็อีกแหละ ไอ้การ์ตูนนี่หลังๆผมก็เลิกดูไปนานมาก
แค่เห็นเผินๆว่าวางอยู่ในร้านขายการ์ตูนข้างที่ทำงาน กับเห็นข่าวแวบๆ
ตามเว็บไซต์ ก็แค่นึกเฉยๆว่าอืม มันน่าจะสนุก
พ้นมาอีก เมื่อสักสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมค้นๆ หาๆอะไรดูไปเรื่อยเปื่อย
ในเว็บไซต์ยูทูป ก็บังเอิญไปสะดุดเอาคลิปสั้นๆคลิปหนึ่ง ชื่อ
ฝากใจไปถึงเธอ (Movie) ก็เป็นอันให้นึกขึ้นได้ว่า อืม เป็นหนังแล้วสินะ
ก็เลยอดไม่ได้ที่จะกดดู ครับ เพียงแค่เพลงจาก Main theme ก็สะกดให้ผมต้องไปหา
หนังเรื่องนี้มาดูตามทันที
จริงๆหนังแนวๆเพ้อๆรักๆนี่ก็นานๆทีผมจะสนใจดูสักเรื่อง แต่ด้วยความว่าเพลง
ประกอบหนังเรื่องนี้เป็นเพลงที่ทำให้ผมติดอยู่กับหนังได้ตลอดเรื่อง แค่เพลงเพลงเดียว
พอเอามาลดความเร็วลง ก็จะกลายเป็นเพลงโคตรเศร้าได้ และเมื่อเพิ่มความเร็วขึ้น
พอหลับตา ผมจะเห็นต้นฤดูร้อนและทุ่งหญ้าแห่งความสดใสร่าเริง ดอกไม้กำลังผลิบาน
ลมเบาๆแห่งฤดูร้อนพัดมา ใบหญ้าสีเขียว แสงแดดตอนเช้าที่แสนงดงาม
ทาทาบลงบนผืนหญ้า ฟังแล้วมันอุ่นใจนะครับ มันเหมือนต้นหญ้าเล็ก
ที่แทรกขึ้นมาบนผืนดินเพื่อรับลมจากต้นฤดูร้อน ทำให้ความรู้สึก
จากที่รู้สึกแย่ๆป่วยๆ ก็รู้สึกว่ามันสดใสขึ้นมาบ้าง
อย่างนี้ใช่ไหมที่เรียกว่า
ดนตรีแห่งการบำบัด

ลองฟังดูสิครับ หลับตาด้วยนะ....




.........................................................

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รู้จักไหม ยอดแหลม น่ะ ยอดแหลม

คุณเชื่อเรื่อง พรหมลิขิตไหม....