ฤดูร้อนกำลังจะมาถึง

ฤดูร้อนกำลังจะมาถึง


ผมนั่งเฝ้ารอฤดูร้อนให้มาถึงเร็วๆอยู่เสมอ
ไม่ได้ว่าจะชอบมันหรอกนะ
แค่ผมเกลียดฤดูร้อนมากกว่าฤดูอื่น
แค่นั่งเฝ้ารอว่า เมื่อไหร่มันจะมา
แล้วเมื่อไหร่มันจะไป 
ช่วงนี้เป็นต้นๆของฤดูร้อน วันนี้เป็นวันที่ 1 มีนาคม
เช้าวันนี้ฝนตกอย่างประหลาด
กลางคืนผมมันจะนอนไม่หลับ เพราะด้วยว่าความร้อนนั่นแหละ
แต่ก็อีกอย่างว่า ผมเป็นโรคภูมิแพ้ แพ้อากาศหนาว
อากาศเย็นจากการเปิดแอร์นอน ก็ใช่ว่าผมจะยินดี
เพราะบางทีพอเย็นมากๆ มันก็ทำให้ตื่นเช้ามาป่วย
จากการนอนหลับในอากาศเย็น
คนเรานี่มันเรื่องมากจริงๆ

สมัยเด็กๆฤดูที่ผมโปรดปรานมากที่สุดก็คงเป็นฤดูฝน
เด็กคนอื่นอาจจะถูกพ่อแม่ห้ามไม่ให้ออกไปแล่นนอกบ้าน
แต่ก็เพราะพ่อแม่ไม่อยู่ห้าม
ฝนตกกลางวันจึงเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุด
ผมกับเพื่อนๆจะออกไปตั้งแต่ผมเริ่มลงเม็ดเล็กๆ
สิ่งที่เล่นกันในช่วงฝนเม็ดเล็กคือไปนั่งกลางแจ้ง
นั่งขัดสมาธิ หลับตา ให่ฝนมันตกลงมา ตกลงมาและตกลงมา
จากฝนก้อนเล็กกลายเป็นฝนก้อนใหญ่ขึ้น
ในสมาธิก็ไม่มีอะไรหรอก แค่นั่งแล้วแอบลืมตาดูเพื่อน
ว่ามันเปียกมากกว่าเรา หรือเราเปียกมากกว่ามัน แค่นั้น


พอฝนตกเป็นก้อนใหญ่ แน่นอน สิ่งที่มากับฝนก้อนใหญ่คือเสียงฟ้าร้อง
แปลกที่ตอนนั้นเราไม่เคยรู้ หรือไม่เคยจะรู้ หรือรู้ก็ไม่ได้สนใจที่จะฟัง
เรื่องของฟ้าร้องฟ้าผ่า ที่สมัยนี้พอโตมา กลับกลายเป็นว่าเรากลับมีจริต
จากการกลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าฝ่ามากขึ้นเสียอย่างนั้น
ทั้งๆที่สมัยเด็กๆ เรามักจะคอยแข่งทายกันว่า ฟ้าฝ่า มันจะมาจากทางไหน
มากกว่าที่จะมาหลับตากลัวเสียงของมัน

เมื่อฝนเป็นก้อนใหญ่ สิ่งที่เราเรียนรู้เพิ่มมาอีกอย่างหนึ่ง
โดยที่ไม่มีใครบอก และเป็นวิทยาศาสตร์นิดๆเสียด้วยคือ
ถ้าฝนเม็ดใหญ่มา ตกหนัก น้ำในคลองจะกลายเป็นน้ำอุ่น
นิ่งคือสิ่งที่พวกเราค้นพบ และไม่ได้บอกใคร แต่เก็บไว้เป็นความลับ
ของพวกเรากันเองในกลุ่ม
และเมื่อน้ำในคลองอุ่น ก็แน่นอน นั่นเป็นเวลาที่พวกเราจะหลบลมหนาว
ที่พัดมาเสียดกับเม็ดฝน โดยลงไปแช่อยู่ในคลองและหลบแอบอยู่ใต้สะพาน
แช่น้ำอุ่นๆอยู่จนกว่าฝนจะซาเม็ด
ช่วงเวลาที่ฝนก้อนใหญ่ตก น้ำอุ่นกำลังดี
สิ่งที่พวกเราทำก็คือนั่งคุยกัน
คุยเรื่องว่าเย็นนี้หลังจากฝนตกจะไปทำอะไรดี จะเอาข้าวเย็นมากินรวมกันที่ริมคลอง
หรือจะไปเล่นซ่อนแอบแถวๆวัดตอนมืดๆ หรือจะตกลงกันแกล้งใครสักคน
กลายเป็นคนหาตลอดในเกมซ่อนแอบ ตลอดบ่ายและเย็นของช่วงฝนตก

นอกจากการนั่งแช่น้ำอุ่นๆให้หายหนาวแล้ว อีกอย่างที่เราทำก็คือ
ว่ายน้ำไปทีบ้านผีสิงตรงข้ามฝั่งคลอง ไปแอบเก็บมะม่วงอกร่องของบ้านผีสิง
ค่าที่รสชาดของมะม่วงอกร่องของบ้านผีสิงนี้มันหวานหอมจนแลกเปลี่ยนเอาความกลัว
ของพวกเราไปจนหมดอย่างคุ้มค่า


บ้านผีสิง
จริงๆผมเกิดมาก็เห็นแล้วว่ามีบ้านหลังนี้อยู่ตรงข้ามคนละฝั่งคลอง
บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้อย่างดี ไม้ที่ใช้ทำน่าจะเป็นไม้สักทองทั้งหลัง
ลักษณะของบ้านคือเป็นบ้านสองชั้น ซึ่งโดยปกติ บ้านในต่างจังหวัด
ที่มีสองชั้นนั้นหายาก บ้านหลังนี้มีสองชั้น ห้องนอนน่าจะเกินสิบห้อง
ลักษณะเป็นบ้านของคนที่มีฐานะมาก เพราะแบบบ้านไม่ใช่ทรงไทย
แต่เป็นทรงบ้านอย่างตะวันออกที่มีนอกชาน มีบันไดหินนอกบ้าน มีระเบียงที่ชั้นสอง
มีหน้าต่างทรงสูง ซึ่งหมายถึงทรงบ้านโบราณอย่างขุนน้ำขุนนางในสมัยก่อน
แต่แปลกที่ว่าบ้านนี้กลับไม่มีคนอยู่อาศัย ทั้งชีวิตที่ผมเกิดมาจนโต
ผมไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้เปิดประตู ไม่เคยเห็นหรือรู้ว่าใครเป็นเจ้าของบ้าน
ไม่เคยเห็นคนเข้าออกบ้านแม้แต่จะมีสักเงาผ่านมาก็ไม่เคย
มีแต่เพียงคนเฝ้าบ้านที่ปลูกเรื่อนเล็กๆแยกออกมาทางขวาของบ้าน
กับหมาดุๆสองสามตัวทีคอยเห่าไล่คนแปลกหน้า กับเรือที่แจวผ่านแค่นั้น

ตัวบ้านเองเมื่อยามหน้าแล้ง พื้นดินจากตัวบ้านจะเชื่อมยาวออกมา
เป็นผืนเดียวกับย่านท้ายตลาดที่เดินไปมาได้
แต่เมื่อฤดูฝนมา น้ำหลากจะตัดขาดให้บ้านหลังนี้กลายเป็นดั่งเกาะ ที่ไม่มีทางออก
และไม่มีทางเข้าไปอีกสามเดือนสี่เดือน หรือจนกว่าจะหมดฤดูน้ำหลากนั่นแหละ
ในช่วฤดูนี้ตัวบ้านเองก็จะถูกกิ่งก้านใบของมะม่วงอกร่องและอีกหลายพันธุ์
บดบังให้ตัวบ้านกลืนหายไปกับความมืดในยามฤดูฝน
แต่กระนั้นก็แลกมาด้วยผลอันหอมหวาน จูงใจให้ความกลัวผีที่อยู่ในบ้านหายไป
แลกด้วยความตื่นเต้นที่จะเข้าไปเก็บผลมะม่วงที่ตกออกมานอกรั้วนั้นน่าจะมีมากกว่า
สุดท้ายเมือนั่งจ้องดูฝนตกสักพัก สัญญาณแห่งความสนุกก็เริ่มต้น เมื่อเราได้ยินเสียง
ดังตุ้บ บนพื้น
เสียงมะม่วงหล่นนั่นเป็นเสมือนเสียงปล่อยตัวนักกีฬา ทุกคนจะรีบว่ายน้ำไปฝั่งตรงข้าม
และเดินย่องๆเข้าไปให้ใกล้ๆรั้ว จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปแหวกพงหญ้า
ค้นหามะม่วงที่หล่นตามแรงลม หากวันไหนโชคดีมีมาก ก็จะได้คนหนึ่งประมาณสองสามลูก
ตกสามคนสี่คนก็โขอยู่ แต่พอสัญญาณที่สองดัง นั่นหมายถึงเราต้องรีบกระโจนลงน้ำ
อย่างตัวใครตัวมัน เพราหมาของตาหมา อ้อ เราเรียกคนเฝ้าบ้านที่เป็นลุงแก่ๆหัวล้านๆนั่นว่า
ตาหมา เพราะไม่รู้ว่าแกชื่ออะไร รู้แต่แกมีหมาสามตัว

เมื่อหมาของตาหมาเริ่มเห่า นั้นเป็นสัญญาณแล้วว่าตาหมาจะมา แต่เราก็ไม่เคยเห็นหรอก
ว่าแกจะมาทำไม หรือแกจะมาจับตัวหรือจะมาไล่จับหัวโขมยอย่างเราหรือเปล่า
รู้แต่ต้องวิ่ง พร้อมหอบเอามะม่วงที่เก็บได้โจนลงน้ำ และว่ายน้ำข้ามคลองให้ไวที่สุด
ต่างคนต่างว่าย และมาเจอกันที่ใต้สะพาน นั่งแช่น้ำอุ่นๆและลิ้มรสอันหอมหวานของมะม่วง
เก็บมาได้อย่างมีความสุข


เมื่อเช้าวันนี้ฝนตกมาก รถก็ติดไปตามปกติของการเดินทางในกรุงเทพ
ช่วงที่รถติดๆ ฝนตกลงมาเป็นก้อนใหญ่ตรงกลางสะพานพระรามเก้า
ผมมองข้ามไปไกลๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไรหรอก ฝนมันบังไปเสียหมดมิด
ผมแค่คิดเฉยๆว่า ป่านนี้ตาหมาแกจะทำอะไรอยู่ แต่แกคงตายไปแล้วแหละ
เพราะตอนนี้มาก็ล่วงสี่สิบกว่าฝน ผมก็แก่ไปตามเม็ดฝนที่ตกมาเหมือนกัน
ตาหมาแกคงไปนั่งเฝ้าต้นมะม่วงของแกบนสวรรค์แล้ว
ที่แน่ๆ ถ้าพรุ่งนี้ฝนไม่ตก ก็หมายถึงฤดูร้อนจริงๆคงจะเข้ามาแล้ว
ตาหมาก็คงโล่ใจ เพราะฤดูร้อนมะม่วงไม่มีดอก ไม่มีผล และไม่มีเด็กหัวขโมยว่ายน้ำข้าม
ไปเก็บมะม่วง ตาหมาแกคงชอบฤดูร้อน
ส่วนผมก็แค่ภาวนาให้มันผ่านไปไวๆ จะได้ไปแช่น้ำอุ่นๆ
จ้องดูมะม่วงของตาหมาตลอดช่วงฤดูฝน
ว่าแล้วก็ขับรถเข้าไปทำงานด้วยหัวใจคึกคัก
ก็อีกแค่สามสี่เดือน ฝนจะมา



โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รู้จักไหม ยอดแหลม น่ะ ยอดแหลม

คุณเชื่อเรื่อง พรหมลิขิตไหม....

ดนตรีเศร้าหมองแห่งการบำบัด