ไอ้อ้วน และ ไอ้แปด

 จริงๆผมเกิดที่กรุงเทพ ที่โรงพยาบาลศิริราช  แต่แม่ติดภาระกิจต้องทำงานแม่เป็นพยาบาล ที่ศิริราชนั่นแหละเวลาทำงานก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ จึงไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูก เลยเอาผมมาทิ้งไว้ให้ยายเลี้ยงตั้งแต่อนุบาล ตอนนี้เวลาใครคุยกันว่าเป็นคนจังหวัดไหน ผมบอกเลยว่าเป็นคนอยุธยา เพราะผมอยากมีบ้านต่างจังหวัดให้กลับในหน้าเทศกาลกับเขาบ้าง เพราะพอเป็นคนกรุงเทพ เข้าเทศกาล ใครถามก็ตอบว่าอยู่บ้านเฉยๆไม่ไปไหน ไม่มีบ้านต่างจังหวัดให้กลับกับเขาตอนอยู่อยุธยา ในรูปที่แม่ถ่ายๆไว้ผมมีพี่เลี้ยงอยู่สองคน คือพี่รวม กับพี่ดำ เป็นคนดูแลผมตั้งแต่ยังเล็กๆไม่รู้ความ แต่พอโตขึ้นน่าจะสักประถมสาม ผมจำได้ว่ามีเพื่อนเล่นอยู่สองคนคือไอ้อ้วน กับไอ้แปด 

บ้านไอ้อ้วนอยู่ถัดจากบ้านผมไปหนึ่งหลัง เรียกว่าตอนเช้าลุกมาเข้าห้องน้ำ ถ้าโผล่หน้าออกไปแปรงฟันนอกหน้าต่าง จะมองเห็นบ้านไอ้อ้วนห่างไปสักสิบเมตร ไม่เกินตะโกนคุยกัน ครอบครัวไอ้อ้วนเป็นชาวนา จริงๆไอ้อ้วนอายุต่างกับผมน่าจะสักสี่ปี เป็นรุ่นน้องผมแหละ ไอ้อ้วนมีพี่ชายที่แก่กว่าสักเจ็ดปี และมีน้องสาวที่ห่างกันสักสามปี เลยไม่มีใครจะเล่นกับมันได้ และมันเป็นคนตัวอ้วนทำอะไรชักช้าไม่ทันใจเวลาเล่นอะไรก็อุ้ยๆอ้ายๆ ไม่มีใครอยากจะเล่นด้วยเลยต้องมาอยู่เล่นกันกับผม


ไอ้แปด ชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่าแปด มันเป็นลูกคนที่แปดของบ้าน จากพี่น้องทั้งหมดสิบคน บ้านไอ้แปดอยู่หลังบ้านผม ครอบครัวรุ่นปู่อพยพมาเป็นชาวนาจากสระบุรี รับจ้างทำนาอยู่หลังบ้านยาย ยายผมเลยให้ที่ท้ายบ้าน ให้ครอบครัวไอ้แปดมาปลูกอยู่เป็นบ้านเล็กๆในสมัยรุ่นปู่ของไอ้แปด ตอนแรกเห็นยายว่าก็มากันแค่สามคน พ่อแม่ลูก คือมีปู่ย่า และตาเบิ้ม พ่อของไอ้แปดซึ่งตาเบิ้มนี่ก็เป็นเพื่อนเล่นของแม่ผมสมัยเด็กๆอยู่เหมือนกัน เห็นแม่เล่าอย่างนั้น ต่อมาก็อยู่กันมาเรื่อยๆ ตาเบิ้ม ก็แต่งงาน มีลูกมีหลานออกมา ได้ทั้งหมดสิบคน ไอ้แปดจริงๆก็นับเป็นน้องผม เพราะห่างกันหลายปี ถ้าจะรู่นเดียวกับผมต้องพี่สาวของไอ้แปดที่เป็นคนที่หกนั่น ถึงจะรุ่นเดียวกันกับผม แต่ด้วยความที่บ้านไอ้แปดมีพี่น้องห่างกันมากเกินไป และไม่มีใครเล่นกับมันเลย มันจึงมาเล่นกันกับผม  รวมกันได้สามคนแล้ว กลุ่มของผมก็ถูกตั้งขึ้นโดยมีผมเป็นหัวหน้าเพราะแก่สุด ไอ้อ้วนเป็นคนที่ออกแรง และใช้กำลัง เพราะขนาดตัวของมันใหญ่กว่าผมเกือบเท่านึง ส่วนไอ้แปดจะเป็นคนที่ค่อนข่างตัวเล็กผอมๆ ดำๆ ว่องไว และมีความสามารถในการปีนป่าย ว่ายน้ำดำน้ำได้ดี หน้าที่ของไอ้แปดส่วนใหญ่จึงเป็นการปีนป่าย ว่ายน้ำดำหาของ มุดและลอด


ถ้าตอนเย็นๆของวันจันทรฺถึงวันศุกร์ หลังเลิกเรียน ผมจะมาถึงบ้านราวๆสี่โมงเย็น ส่วนไอ้แปดกับไอ้อ้วนจะมาถึงก่อน เพราะมันเรียนโรงเรียนในตัวอำเภอ พอถึงบ้านวางกระเป๋าเสร็จชะเง้อออกไปยอกชานหน้าบ้าน จะเห็นไอ้อ้วนกับไอ้แปดนั่งรออยู่ที่ริมคลองก่อนแล้ว คือถ้าตกลงกันว่าไม่ลงน้ำ ก็ต้องไปเล่นกันบนบก ถ้าไม่หลังบ้าน ก็ไปหน้าอำเภอที่มีลานขนาดใหญ่และเป็นศูนย์รวมของเด็กแถวนั้น ซึ่งจะหากิจกรรมเล่นได้ค่อนข้างง่าย เพราะถ้าไม่ไปรวมเล่นกับเด็กคนอื่นถ้าไม่ใช่วิ่งไล่จับ ซ่อนแอบรอบตัวที่วาการอำเภอ เตย ทอยเส้น เราก็ต้องจัดกิจกรรมเล่นกันเองสามคนโดยไม่มีเด็กคนอื่นมาเล่นด้วย
หรือถ้าไม่เล่นแถวอำเภอ ก็ต้องข้ามคลองไปเล่นฝั่งตลาด ที่ลานวัด ตรงนั้นจะมีเด็กฝั่งตลาดมารวมๆกันเล่นอยู่ ก็มีเตะบอลบ้าง เล่นซ่อนแอบ เล่นคล้ายๆกับเด็กฝั่งอำเภอนี่แหละ เด็กฝั่งตลาดจะไม่ค่อยอยากเล่นกับเด็กฝั่งอำเภอหรอก เพราะส่วนใหญ่เด็กฝั่งอำเภอจะเป็นลูกชาวนา และเด็กฝั่งตลาดจะเป็นลูกร้านขายของในตลาดเสียส่วนใหญ่ อย่างรวยสุดก็ไอ้ท๊อปลูกตาเกียรติ เจ้าของและนายท่ารถประจำทางจากอำเภอเข้าจังหวัด ที่มีรถสองแถวเป็นสิบๆคันซึ่งไอ้ท๊อปนี่จริงๆเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันกับผมที่อยู่ในจังหวัด แต่ถ้าเข้ามาในอำเภอ มันจะไม่ค่อยอยากเล่นกับเราเท่าไหร่ เพราะเราเป็นเด็กฝั่งอำเภอ ดูดำๆ เสื้อไม่ค่อยใส่ รองเท้าไม่ค่อยใส่ เลยดูเกเรไม่มีใครอยากเล่นด้วย


ก็ถ้าข้ามไปฝั่งตลาดแล้วไม่มีใครเล่นด้วยก็ไม่ยาก ผมลงใต้ถุนตลาดครับ ใต้ถุนตลาดคือจุดที่อยู่ริมฝั่งคลอง สามารถเดินเข้าไปได้ ถ้าคนไม่รู้ก็ไม่มีอะไรหรอก มันทั้งมืด สกปรก อับชื้น มีแต่ขยะเยอะแยะ แต่มันมีสิ่งที่ไม่มีใครรู้ มีแต่เราสามคนนี่แหละที่รู้ คือมันมีเงินอยู่ครับ เงินใต้ถุนตลาดคือเงินที่ตกหล่นมาจากคนในตลาดนั่นแหละ สลึง ห้าสิบตังบาทนึง มีแยะเยอะ เวลาคนเขามาจับจ่ายทอนเงินซื้อข้าวซื้อของ เกิดพลาดมือไม้อ่อน เงินหล่นร่วงลงพื้น ถ้าโชคร้ายมันก็จะกลิ้งลงร่องกระดาน แล้วตกลงมาใต้ถุน และไม่สามารถหยิบขึ้นมาได้ เพราะมันทั้งมืดและไม่คุ้มที่จะลงมาเก็บ เรื่องเงินไต้ถุนตลาดนี่เป็นความลับที่สืบทอดกันมาจากพี่ชายไอ้แปด ถ้าอยากหาเงินเร็วๆ ให้มุดใต้ถุนตลาด รับรองไม่เกินหนึ่งชั่วโมงแลกกับความสกปรกเละเทะ เหม็นอับและชื้น รับรองได้เงินกินข้าวหรือซื้อขนมกินแน่นอน


ถ้าไม่ลงใต้ถุนตลาดก็ออกไปไกลอีก คือเดินออกไปทางฝั่งอำเภอนี่แหละ ไปหลังโรงสีตาฮุย ไปเล่นกองแกลบ กองแกลบที่ผ่านการสีเอาเมล็ดข้าวนี่สูงเป็นภูเขา เข้าไปมุดเล่นกระโดดขึ้นลงได้อย่างสนุก แต่จะเล่นได้ไม่นานนักหรอก เพราะแกลบข้าวนี่โดนแล้วคันอย่าบอกใคร เล่นได้แปปเดียวต้องรีบลงน้ำคลอง เพราะทนความคันของมันไม่ไหวจริงๆ นี่คือกิจกรรมของผมและไอ้อ้วนไอ้แปปแบบเฉพาะทุกเย็น
ถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์ ผมจะต้องตื่นมาแต่เช้าหน่อย เพื่อทำงานให้เสร็จก่อนบางวันก็ต้องช่วยตาให้อาหารสัตว์ รดน้ำต้นไม้ในสวน หรือตามยายไปช่วยหิ้วของเวลายายไปซื้อของฝั่งตลาด และพอกินข้าวเช้าเสร็จไม่เกินแปดโมง ไอ้อ้วนกับไอ้แปดก็มารออยู่ที่ริมคลองแล้ว


กิจกรรมก็มีตั้งแต่เล่นน้ำคลอง เผาขยะเล่นไฟไปตามเรื่อง ปีนต้นไม้หาผลไม้กิน เคยชวนกันไปปีต้นฝรั่งที่ขึ้นอยู่ท้ายสวนของตา บังเอิญมีสายไฟพาดผ่านอีต้นฝรั่งนั้นด้วย แล้วมันคงมีไฟฟ้ารั่ว ผมโดนไฟดูดเข้าที่มือ เพราะเผลอเอามือไปจับโดน ที่สำคัญคือพอไฟดูดด้วยความตกใจก็ทิ้งตัวลงมาแล้วคว้าเอาสายไฟติดมือมาด้วย ทีนี้ก็เกิดไฟดับที่บ้านตาทั้งบ้านไปหลายชั่วโมง เพราะสายไฟขาดผมก็โดนตาเรียกไปสวดเสียหนึ่งยก โดนยายดีไปอีกสองไม้ถ้าจำไม่ผิด ข้อหาเล่นอะไรไม่รู้เรื่องรู้ราว ส่วนไอ้แปดและไอ้อ้วนหายไปตั้งแต่ผมร่วงลงมาจากต้นฝรั่ง


เรื่องนึงที่เป็นที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตของผม ก็คือไอ้อ้วนโดนตอตำ ไม่ได้โดนตำตูดนะครับ มันโดนตอตำอก คือวันนั้นเป็นวันหยุด เรานัดกันออกไปเล่นน้ำคลอง ไอ้แปดกับผมยืนถอดเสื้อเตรียมตัวอยู่บนฝั่ง ส่วนไอ้อ้วนถอดเสื้อเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ทันได้ลงน้ำยืนโยกๆเยกๆอยู่ริมตลิ่ง ด้วยความที่มันอ้วน มันก็เสียหลัก ลื่นล้มตกลงไปริมคลอง แล้วไอ้ที่ริมคลองมันมีซากตอสะพานไม้เก่าๆอยู่ตอหนึ่ง ใหญ่ขนาดสักกำปั้นมือยาวได้สักหนึ่งเมตรปักอยู่เด่ๆริมตลิ่ง ตอไม้นั้นก็ไม่ได้แหลมมากสักเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าล้มไปโดนก้คงจะทะลุแหละ ความซวยของไอ้อ้วนคือมันล้ม แล้วเอาหน้าอกไปเสียบเข้ากับตอไม้ แล้วก็คาอยู่อย่างนั้น เสียงไอ้อ้วนร้องแหกปากลั่นไปทั้งฝั่งตลาดและทั้งฝั่งอำเภอ จำได้ว่ามหกรรมเอาไอ้อ้วนออกจากตอไม้นี่มีคนมามุงดูทั้งสองฝั่งคลอง เรียกว่าเหมือนจัดงานใหญ่ได้งานหนึ่งเลย และก็มีไอ้อ้วนนี่แหละเป็นเจ้าภาพอยู่กลางงาน


ผ่านวันนั้นมาไอ้อ้วนก็มีแผลเป็นอยู่ที่ตรงลิ้นปี่หนึ่งรอย เป็นเนื้อนูนๆขึ้นมาเหมือนมีพระเครื่องแขวนอยู่หนึ่งองค์ รอยแผลนี้คอยเอาไว้เตือนสติว่านี่เกิดจากความซุกซนของพวกเราในวัยเด็ก เอาไว้คุยทับถมกันเวลามาเจอกันตอนเป็นผู้ใหญ่


ตีผึ้งสวนตาดำนี่ก็เป็นเรื่องที่ซวยที่สุดของไอ้แปด สวนตาดำนี่อยู่ไกลออกไปจากบ้านมาก เรียกว่าไกลเกือบสุดอำเภอ เดินไปกลับนี่เข้าสามกิโลเห็นจะได้ สวนตาดำเป็นสวนผลไม้ มีกล้วยเป็นพืชหลัก มะขามหวาน มะขามเทศ ฝรั่ง และอื่นๆที่หากินจากลูกบนต้นได้อีกเยอะแยะ ที่เราไปสวนตาดำคราวนี้ไม่ได้ไปกินผลไม้ แต่อยากไปลองวิชาที่ไอ้แปดมันเรียนมาจากพี่คนโต คือวิชาตีผึ้งเอาน้ำหวาน พี่คนโตของไอ้แปดนี่ห่างกับไอ้แปดหลายสิบปี อาชีพของพี่เขาก็คือทำนา และ ตกปลาทำประมงชายฝั่ง จับสัตว์น้ำขายไปตามเรื่องราว บางทีหมดหน้านา ก็ไปหาปลาจับกบตีนกยิงหนูล้วงงู เอามากิน เหลือเอามาขาย ไอ้แปดเรียนวิชาจากพี่น้องมาได้หลายวิชา เพราะเวลาไปออกหากิน พี่ก็เอาน้องติดไปด้วยในบางที คราวหนึ่งไปตีผึ้ง ไอ้แปดไปเป็นลูกมืออยู่ห่างๆคอยสังเกตุการณ์ เลยได้วิชาติดมาบ้างเล้กน้อย ดังนั้นวันนี้คือวันลองวิชาตีผึ่้งของมันและพวกผม


ผมมีหน้าที่ออกตังไปซื้อบุหรี่มาสองสามมวน ไอ้อ้วนมีหน้าที่อยู่ข้างล่างคอยถือกระป๋องรอน้ำผึ้ง ไอ้แปดมีหน้าที่ปีต้นไม้ รมควันผึ้ง และจัดการยกรังลงมา เมื่อแยกหน้าที่กันเสร้ดก็เข้าสวนตาดำแต่เช้า ยืนส่องๆมองๆสักพักก็เจอรังผึ้ง เป็นรังไม่ใหญ่มากนัก ขนาดสักสองฝ่ามือ ไอ้แปดจัดแจงปีนขึ้นไปใกล้ๆรังอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ควักเอาบุหรี่ขึ้นมาจุด ผมเห็นไอ้แปดจุดบุหรี่สูบ หันมายักคิ้วหลิ่วตาทำท่าพ่นควันอย่างผู้ใหญ่ เห็นแล้วก็ชวนกันขำอยู่ สักพักก็เห็นมันสูดควัน แล้วพ่นใส่รังผึ้ง สูดพ่น สูดพ่น ไปสักพักเหมือนจะหมดมวนบุหรี่ ผมเห็นไอ้แปดค่อยๆร่วงลงมาจากกิ่งไม้ หล่นแอ้กลงมากองข้างล่าง เดชะบุญไม่สูงมากนักและข้างล่างก็มีดอวัชพืชค่อนข้างหนา เห็นดังนั้นเราก็ตกใจว่าไอ้แปดตกต้นไม่ กำลังจะเข้าไปช่วย แค่คิดจะก้าวขาฝูงผึ้งทั้งรังก็แตกฮือออกมา ผมวิ่งออกไปทางนึง ไอ้อ้วนวิ่งออกไปอีกทาง เรียกว่าวิ่งป่าราบก็คือวันนี้แหละ หางตาผมเห็นไอ้แปดยันตัวขึ้นยืน แล้วก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แล้วก็เห็นวิ่งตามผมออกมาไกลๆ


วันนั้นที่บ้านตา ไอ้แปดโดนผึ้งรุมต่อย มากเท่าไหร่นี่ไม่ได้นับ หน้าตาบวมปูด ตาปิดไปสองข้าง ร้องไห้โหยหวนสะอึกสะอื้นอยู่ที่เตียงคนป่วยในห้องยาของตา จำได้ว่าตาด่าไปรักษาไป ต้องฉีดยาแก้แพ้ ทายานู่นนี่ไปอีกหลายขนาน สุดท้ายก็โดนไม้ไปคนละหลายหวดอยู่ ทั้งผมทั้งไอ้อ้วน สี่ห้าวันถัดมาพอไอ้แปดมันหาย พอพูดพอเดินได้ ก็มาเล่าให้ฟังกัว่า พอสูบบุหรี่ไปได้สักครึ่งค่อนมวน จู่ๆมันก็เวียนหัว ประคองตัวไม่อยู่ เลยร่วงลงมาแล้วก็เขย่ากิ่งรังผึ้งด้วยความไม่ตั้งใจเพราะกลัวจะหล่น ผึงมันก็แตกรังออกมา สุดท้ายก็ได้ผลเป็นอย่างที่เห็น โดนต่อยให้เจ็บให้ปวดไปหลายสิบตัว ข้อดีของความเจ็บจากการตีผึ้งครั้งนั้นคือจนทุกวันนี้ ไอ้แปดเป็นคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย ตั้งแต่มันโดนผึ้งต่อยมา

หลังจากจบ ประถมหก ผมต้องย่ายโรงเรียนไปที่นครปฐม จำได้ว่าไอ้อ้วนกับไอ้แปดมาส่งที่ลานวัด ตอนนั้นผมร้องไห้หนักอยู่ ไอ้อ้วนก็ร้อง ไอ้แปดก็ร้อง เพราะรู้กันว่าเมื่อไหร่ที่มีใครสักคนย้ายออกไปจากอำเภอ ส่วนใหญ่จะไม่ได้กลับมาอีกเลย เพราะมีเด็กหลายคนที่ย้ายไป ก็ไม่เคยได้กลับมาอีกเลย พอเก็บของขึ้นรถเสร็จ แม่ก็ให้ผมขึ้นรถ ผมยืนอิดออดนิดหน่อย แต่ก็ขึ้น พอรถออกก็เห็นไอ้แปดวิ่งตามรถมาสักประเดี๋ยว แต่สุดท้ายก็หยุดวิ่งตาม ผมก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก สุดท้ายก็ร้องไห้จนน่าจะหลับไปด้วยความเสียใจ

หลายๆปีผ่านไป ผมก็มีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมยายบ้าง เมื่อคุยกับยายเสร็จ สิ่งแรกที่ผมทำก็คือเดินไปเรียกหาไอ้อ้วน พักเดียวมันก็เดินออกมา จากนั้นก็เดินต่อไปบ้านไอ้แปด 











โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รู้จักไหม ยอดแหลม น่ะ ยอดแหลม

คุณเชื่อเรื่อง พรหมลิขิตไหม....

ดนตรีเศร้าหมองแห่งการบำบัด